วันพุธที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

คำถามท้ายบบที่1

1.คอมพิวเตอร์มีกี่ประเภท อะไรบ้าง
แบ่งเป็น 4 ประเภทหลัก คือ
1.1ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ (Supercomputer) เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีสมรรถนะในการทำงานสูงกว่า คอมพิวเตอร์แบบอื่น ดังนั้นจึงมีผู้เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า คอมพิวเตอร์สมรรถนะสูง (High Performance Computer) คอมพิวเตอร์ประเภทนี้ สามารถคำนวนเลขที่มีจุดทศนิยม ด้วยความเร็วสูงมาก ขนาดหลายร้อยล้านจำนวนต่อวินาที งานที่ให้คอมพิวเตอร์ประเภทนี้ทำแค่ 1 วินาที ถ้าหากเอามาให้คนอย่างเราคิด อาจจะต้องใช้เวลานานกว่าร้อยปี ด้วยเหตุนี้ จึงเหมาะที่จะใช้คอมพิวเตอร์ประเภทนี้ เมื่อต้องมีการคำนวนมากๆ อย่างเช่น งานวิเคราะห์ภาพถ่าย จากดาวเทียมอุตุนิยมวิทยา หรือดาวเทียมสำรวจทรัพยากร งานวิเคราะห์พยากรณ์อากาศ งานทำแบบจำลองโมเลกุล ของสารเคมี งานวิเคราะห์โครงสร้างอาคาร ที่ซับซ้อน คอมพิวเตอร์ประเภทนี้ มีราคาค่อนข้างแพง


1.2.เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ (Mainframe Computer) คอมพิวเตอร์ที่มีสมรรถนะสูงมาก แต่ยังต่ำกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ คือปกติสามารถทำงานได้รวดเร็ว หลายสิบล้านคำสั่งต่อวินาที สำหรับสาเหตุที่ได้ชื่อว่า เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ ก็เพราะครั้งแรกที่สร้างคอมพิวเตอร์ลักษณะนี้ได้สร้างไว้บนฐานรองรับ ที่เรียกว่า คัสซี่ (Chassis) โดยมีชื่อเรียกฐานรองรับนี้ว่า เมนเฟรม นั่นเอง เหมาะกับการใช้งาน ทั้งในด้านวิศวกรรม วิทยาศาสตร์ และธุรกิจ โดยเฉพาะงานที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลจำนวนมากๆ










1.3.มินิคอมพิวเตอร์ (Minicomputer) เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีสมรรถนะน้อยกว่าเครื่องเมนเฟรม คือทำงานได้ช้ากว่า และควบคุมอุปกรณ์รอบข้างได้น้อยกว่า อย่างไรก็ตามจุดเด่นสำคัญ ของเครื่องมินิคอมพิวเตอร์ ก็คือ ราคาย่อมเยากว่าเมนเฟรม การใช้งานก็ไม่ต้องใช้ บุคลากรมากนัก นอกจากนั้น ยังมีผู้ที่รู้วิธีใช้มากกว่าด้วย เพราะเครื่องประเภทนี้ มีใช้ตามสถานศึกษา ระดับอุดมศึกษาหลายแห่ง













1.4.ไมโครคอมพิวเตอร์ (Microcomputer)เป็นคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก และใช้ทำงานคนเดียว จึงนิยมเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (Personal Computer) เป็นคอมพิวเตอร์ใช้งานที่พบได้อย่างแพร่หลาย จัดว่าเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก ทั้งระบบใช้งานครั้งล่ะคนเดียว หรือใช้งานในลักษณะเครือข่ายลักษณะของไมโครคอมพิวเตอร์สามารถแบ่งได้ เป็นรูปแบบย่อยดังนี้
1.4.1เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานทั่วไป ที่เรียกว่า Desktop Models รวมถึง Minitower / Tower Models
1.4.2เครื่องพิวเตอร์ขนาดเล็ก หรือ Notebook Computer หรือ Laptop Computer
1.4.3เครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดฝ่ามือ หรือ Handheld Personal Computers (H/PCs)











2.คอมพิวเตอร์แบบฝังคืออะไร
เป็นคอมพิวเตอร์ที่ฝังในอุปกรณ์ต่าง ๆ นิยมนำมาใช้ทำงาน เฉพาะด้าน พิจารณาจากภายนอกจะไม่เห็นว่าเป็นคอมพิวเตอร์แต่จะ ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานบางอย่างของอุปกรณ์นั้นๆ คอมพิวเตอร์ประเภทนี้ เช่น เครื่องเล่นเกม ระบบเติมน้ำมันอัตโนมัติ โทรศัพท์มือถือ เป็นต้น

3.ข้อมูลและสารสนเทศต่างกันอย่างไร
ข้อมูล คือ ข้อเท็จจริงของสิ่งที่เราสนใจที่เป็นตัวเลข ข้อความ หรือรายละเอียดซึ่งอาจอยู่ในรูปแบบต่างๆ
สารสนเทศ หมายถึง ข้อมูลที่มีความหมาย ซึ่งสามารถนำไปใช้ประโยชน์
ดังนั้นจึงหมายถึงข้อมูลที่ผ่านการประมวลผลด้วยวิธีการที่เหมาะสม และถูกต้อง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตรงตามความต้องการของผู้ใช้ อยู่ในรูปแบบที่ใช้ได้ และจะต้องอยู่ในช่วงเวลาที่ต้องการ ข้อมูลและสารสนเทศ ต่างกันตรงที่สารสนเทศเป็นข้อมูลที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้โดยตรง

4.VLSIคืออะไร สำคัญต่อคอมพิวเตอร์อย่างไร
VLSI ย่อมาจาก Very Large-Scale Integration คือ แผงวงจรขนาดใหญ่มากซึ่งทำให้เกิด Microprocessor ตัวแรกของโลก คือ Intel 4004สำคัญมากสำหรับคอมพิวเตอร์ เพราะมันคือ CPU ซึ่งเปรียบเหมือนหัวใจของคอมพิวเตอร์

5.นิสิตใช้คอมพิวเตอร์ในชีวิตประจำวันอย่างไร
5.1หาข้อมูล
5.2ดูข่าวสาร
5.3ฟังเพลง
5.4เล่นเกมส์

ที่มา http://www.nectec.or.th/courseware/computer/comp-using/0002.html

วันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2551


ค่ายไอทีอัดโปรโมชั่นสวนเศรษฐกิจ อัสซุสเปิดจองอีอีอีพีซีอะตอมที่คอมมาร์ต
ยักษ์คอมพ์พาเหรดถล่มราคาโน้ตบุ๊ค 14 นิ้ว 14,000 บาท รับน้องใหม่ "เน็ตบุ๊ค" ที่งานคอมมาร์ตซึ่งเปิดฉากวันนี้ เอชพีหั่นมินิโน้ตต่ำ 30,000 บาท วัดสัญญาณกำลังซื้อคอนซูเมอร์ เอเซอร์ปรับยอดขายรับเศรษฐกิจกรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : นายประเสริฐ จรูญไพศาล ผู้จัดการทั่วไป กลุ่มเพอร์ซันนัล ซิสเต็ม กรุ๊ป บริษัทฮิวเลตต์-แพคการ์ด (ประเทศไทย) จำกัด (เอชพี) กล่าวว่า บริษัทหั่นราคามินิโน้ต หน้าจอ 9 นิ้ว รุ่นที่ใช้ระบบปฏิบัติการวิสต้าบิซิเนส จาก 35,900 เหลือ 29,900 บาท และที่ใช้วิสต้าเบสิก 25,900 บาท และโน้ตบุ๊คพาวิลเลียน ดีวี276ทีเอ็กซ์ ราคา 36,900 จาก 39,900 บาท ทั้งลดราคารุ่นอื่นๆ พร้อมแถมเครื่องพิมพ์เลเซอร์ หรือออลอินวันทั้งยังรักษาระดับการทำโปรโมชั่น ซึ่งต้องวัดผลหลังงานว่า ยอดขายรวมจะลดกว่าทุกครั้งหรือไม่ หากยอดขายของทุกยี่ห้อเฉลี่ยลดลง 20-30% จะเป็นสัญญาณที่น่าเป็นห่วง สะท้อนกำลังซื้อผู้บริโภค